หนังไทยที่พลิกบทบาทของวงการหนังมีหรือไม่
ถ้ายังพอจำกันได้น่าจะเกือบ 20 ปีก่อนมีหนังเกี่ยวกับไสยศาสตร์มนต์ดํา การใช้เวทมนตร์คาถาเรียกว่าเป็นการพลิกบทบาทของหนังไทยไปอีกรูปแบบหนึ่ง การดึงเอาความเชื่อของคนเราออกมาเล่าสู่เป็นหนังให้เราได้ดูกันนั้น จะได้ว่าเป็นการบอกเล่าตำนานสู่คนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันเรื่องราวเหล่านี้ยังคงเป็นเรื่องลี้ลับ แต่ก็ไม่ได้ตกยุคไปเสียอย่างไรกลับกลายเป็นว่าโลกพัฒนาไปไกลมีเทคโนโลยีมากเท่าไหร่ ตอนนี้รับก็จะเข้าสู่เทคโนโลยีมากขึ้น เรื่องของไสยศาสตร์มนต์ดำที่สร้างออกมาเป็นหนังให้เราได้ดู ก็มีการสร้างออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่จะว่าไปคนที่เคยดูหนังเกี่ยวกับไสยศาสตร์มนต์ดําในสมัยก่อนนั้น ก็มีความทรงจำเกี่ยวกับเนื้อหาสาระของหนังที่ยังจำได้ดี แต่พอมีการนำมาสร้างภาคต่อมีการสร้างเรื่องราวต่อจากภาคแรก คนที่รอดูหนังเรื่องนี้ก็เกิดความผิดหวังเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของจินตนาการที่ไม่ได้ต่างไปจากเดิม special effect ที่ดูสมจริงก็ไม่ได้ต่างไปจากก่อน กลายเป็นว่าหนังภาคใหม่ที่สร้างออกมาทำได้ไม่ดีเท่าภาคแรกเอาเสียเลย
วงการหนังของไทยนั้นถ้าเป็นการสร้างหนังเกี่ยวกับ ความเชื่อ ไสยศาสตร์ ก็จะไม่ได้เน้นเนื้อหาสาระเกี่ยวกับใช้การใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก การใช้ภาพให้สมจริงแต่อย่างใดแต่จะเป็นการเล่าเรื่องว่ามีคนเคยทำได้อย่างที่เราดูในหนังจริงๆ เราดูหนังแบบไหนนั่นก็คือการสร้างมาจากเรื่องจริง แน่นอนว่าในหนังต้องมีการนำเรื่องจริงเข้ามาสร้างอย่างเช่น เรื่องขุนพันธ์ ถ้ามีวิชาอาคมที่เก่งกาจเป็นอย่างมาก คนในประเทศไทยและคนในเอเชียรู้จักท่านดี ในเรื่องของการใช้คาถาอาคม หลายคนที่รู้จักกันก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต จะรู้ดีว่าท่านทำได้จริงหรือเป็นแค่เรื่องเล่า สำหรับคนที่ดูหนังเรื่อง ขุนพันธ์ ก็มีความอยากรู้อยากเห็นตามมา อยากจะมีพระเครื่องอย่างที่ท่านห้อย อยากจะศึกษาวิชาอาคมแบบที่ท่านได้เรียน เรียกกันว่าเรื่องไสยศาสตร์นั้นไม่มีตกยุคกันเลย
เปิดการสร้างหนังออกมานั้นก็ดูจากเป็นการเล่าเนื้อหาสาระมากกว่าที่จะบอกกล่าวถึงประโยชน์หรือเล่าตำนานว่าควรจะทำตัวเช่นไรหรือไม่ควรจะทำตัวเช่นใด สำหรับคนที่เคยดูหนังเรื่องขุนพันธ์ จะเห็นว่าท่านนั้นจะต้องออกไปปราบโจรที่มีใครหาอาคมเช่นเดียวกันกับท่าน และแน่นอนว่าหนังเรื่องนั้นท่านก็จะมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากไม่ว่าจะยอมเป็นโจรแล้วกลับตัวมาเป็นคนดี หรือแม้กระทั่งเข้าไปสืบข่าวในกองโจรต่างๆ ทำให้ท่านเป็นที่ยอมรับทั้งหมดจนและมงคลดีไปพร้อมๆกัน ส่งผลให้กับคนในรุ่นใหม่นั้นยอดที่จะเรียนคาถาอาคมและตั้งตัวเองเป็นใหญ่ จนทุกวันนี้การดูหนังที่เราเคยดู เริ่มมีความเข้าใจผิดกันว่าต้องเป็นโจรก่อนถึงจะเป็นคนดีได้ ทุกวันนี้สังคมไทยเราจนก็อยู่ในสภาพผู้ดีเต็มไปหมด
ย้อนกลับมาถึงการดูหนังของเรา ตอนนี้หนังไทยของเรานั้นแทบจะหยุดอยู่นิ่งมากกว่า 10 ปีแล้ว อย่าเพิ่งท้อแท้กับการดูหนังไทย เขาอาจจะพักสมองจากการต้องมารอดูหนังไทยแล้วดูหนังต่างประเทศไปก่อน เห็นว่าเมื่อไหร่ที่หนังไทยออกมาก็ควรจะอุดหนุนเป็นกำลังใจกันให้สักหน่อย สำหรับคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้หนังไทยดูแล้วช่วยกันติช่วยกันวิจารณ์ เพื่อการพัฒนาที่ดีต่อไปนั้นด้วย